วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ประโยชน์ของกระเพรา
ประโยชน์ของกระเพรา
กะเพรามีกลิ่นและรสชาติที่รุนแรงเฉพาะตัว
จึงมักนิยมใช้ดับกลิ่นคาวในตำราอาหารไทยเช่น ผัดกบ ผัดปลาไหล ผัดหมู ฯลฯ
พล่าปลาดุก พล่ากุ้ง ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นพวกแกงต่างๆ เช่น แกงเลียงใบกะเพรา
สำหรับมารดากินหลังคลอดใหม่ๆ เพื่อขับลมบำรุงธาตุให้ปกติเป็นยาขับน้ำนม
นอกจากนี้ยังมีแกงป่า แกงเขียวหวาน แกงคั่ว แกงส้มมะเขือขื่น
แม้แต่ต้มยำต่างๆ
ใส่ใบกะเพราผัดเผ็ดต่างๆทอดใบกะเพราให้กรอบแล้วนำมาโรยหน้าอาหาร
ใส่อาหารได้สารพัดนอกจากที่กล่าวมา
กะเพราจัดเป็นพืชสมุนไพรได้อย่างเต็มตัวชนิดหนึ่ง
เพราะมีสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิด ทั้งตำราไทยและต่างประเทศ
ก็ระบุความเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ของกะเพราเอาไว้หลายด้านเช่น
ตำราสมุนไพรไทย บรรยายสรรพคุณด้านยาของสมุนไพรเอาไว้ว่า รสฉุน ร้อน
ขับลมแก้ซาง แก้ท้องขึ้น ปวดท้องบำรุงธาตุ แก้จุดเสียดในท้อง ช่วยย่อยอาหาร
ในตำราสมุนไพรไทย
ได้จัดแบ่งสมุนไพรออกเป็นจำพวกต่างๆ
รวมทั้งพิกัดอีกมากมาย
ในจุลพิกัดซึ่งมีสมุนไพรกลุ่มละ 2 ชนิดนั้น ระบุถึงกลุ่มที่เรียกว่า
”กะเพราทั้ง 2 ” หมายถึง ส่วนราก ต้นใบ ดอก และ ผลของกะเพรา
ซึ่งใช้ด้วยกันทั้งหมดในตำรานั้น ในตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณซึ่งมีอยู่ 6 ตำรับนั้น
มีอยู่ตำรับหนึ่งชื่อว่า”ยาประสะกะเพรา” หมายถึง
มีกะเพราเป็นสรรพคุณหลักของกะเพรานั่นเอง
นอกจากนี้กะเพรายังเป็นส่วนประกอบของยาอีกมากมาย เช่น
ยารักษาตานขโมยสำหรับเด็ก ยาแก้ทรางเด็ก
และยากินให้มีน้ำนมสำหรับมารดาเป็นต้น
ในต่างประเทศมีการใช้กะเพราเป็นยารักษาโรคอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าประเทศไทย
เสียอีก
โดยเฉพาะในอินเดียถือว่ากะเพราใช้รักษาโรคได้ทุกโรคเลยทีเดียวกะเพราเป็นพืช
ที่ปลูกง่ายมากชนิดหนึ่งเพื่อแต่โรยเมล็ดลงบนพื้นดินแล้วรดน้ำพอชุ่มชื้น
กะเพราก็จะงอกงามได้
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
การดักแมลง
ในการใช้กาวเหนียวดักแมลงให้ได้ผล ควรทาเคลือบบนวัสดุสีเหลือง เช่น แกลลอนน้ำมันเครื่องสีเหลือง ถังพลาสติกสีเหลือง ฟิวเจอร์บอร์ดหรืออื่นๆที่มีสีเหลือง เพราะแมลงศัตรูพืชจะชอบบินเข้าหาสีเหลืองมากที่สุด ซึ่งอาจจะใช้ถุงพลาสติกใสครอบวัสดุเหล่านั้นก่อนแล้วทากาวเหนียว ก็จะทำให้สะดวกต่อการเก็บทำลาย
อุปกรณ์
1.แผ่นพลาสติกสีเหลืองหรือเศษวัสดุอย่างอื่นที่มีสีเหลือง
2.ถุงพลาสติกใส
3.เชือกหรือไม้
4.กาวเหนียว
วิธีทำ
1.ทากาวเหนียวด้วยแปรงสีฟันบนวัสดุที่เตรียมไว้ให้ทั่ว
2.นำกับดักไปวางติดตั้งบนหลักไม้หรือใช้เชืิอกผูกกับแผ่นสีเหลืองให้อยู่สูงกว่ายอดต้นผักเจริญเติบโตเต็มที่ แล้วเล็กน้อย หรือสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ห่างกันทุก 3 ตารางเมตร โดยใช้กับดักประมาณ 60-80 กับดัก/พื้นที่ 1 ไร่ ส่วนในฤดูที่มีการระบาดของศัตรูพืชน้อยอาจใช้เพียง 15 – 20 กับดัก/ไร่
การทากาวเหนียวแต่ละครั้งจะอยู่ได้นาน 10-15 วัน แมลงศัตรูพืชที่เข้ามาติดกับดักกาวเหนียวสีเหลืองได้แก่ แมลงวันทอง แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่นและเพลี้ยอ่อน กาวเหนียว
การทำปุ๋ยหม้ก
การทำปุ๋ยหมัก
การทำปุ๋ยหมักเป็น การนำเอาเศษซากหรือวัสดุต่าง ๆ ที่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตจากพืช เช่น เศษหญ้า ใบไม้ ฟางข้าว ผักตบชวา แต่ที่ผมทำผมจะใช้ใบไม้ที่ได้จากกวาดบริเวณบ้านมากองรวมกับหญ้าแห้งที่ได้จากแปลงผ้ก แล้วนำมาผสมกับขี้ไก่ จากนั้นก็นำสารพด.ผสมกับน้ำรดน้ำให้มีความชื้นพอเหมาะ หมักไว้จนกระทั่งใบไม้หรือเศษวัสดุย่อยสลาย (ประมาณ 2 เดือน) กลายเป็นขุยสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม มีลักษณะพรุน ยุ่ย ร่วนซุย
ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก
1. ช่วยเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์
2. ช่วยเปลี่ยนสภาพของดินจากดินเหนียวหรือดินทรายให้เป็นดินร่วนทำให้สะดวกในการไถพรวน
3. ช่วยสงวนรักษาความชุ่มชื้นในดินได้ดีขึ้น
4. ทำให้การถ่ายเทอากาศในดินได้ดี
5. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ปุ๋ยเคมีและสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้
6. ช่วยกระตุ้นให้ธาตุอาหารพืชบางอย่างในดินที่ละลายน้ำยากให้ละลายน้ำง่ายเป็นอาหารแก่พืชได้ดีขึ้น
7. ไม่เป็นอันตรายต่อดินแม้จะใช้ในปริมาณมาก ๆ ติดต่อกันนาน ๆ
8. ช่วยปรับสภาพแวดล้อม เช่น กำจัดขยะมูลฝอยและวัชพืชน้ำทั้งหลายให้หมดไป
บวบ
บวบ
เป็น
วิธีการปลูกบวบ
1.เตรียมดิน
2.ขุดหลุมขุดหลุมปลูกระยะปลูก ระหว่างต้น75 ซม ระหว่างแถว 100 ซม.ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก
3.เมื่อเตรียมดินและหลุมปลูกแล้ว หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ด กลบดิน คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม พร้อมทำค้างทันที ควรปักค้างทันทีที่หยอดเมล็ดดีกว่าปักเมื่อมีต้นพืชงอกขึ้นมาแล้วอาจทำให้รากพืชขาดเสียหายได้ นอกจากนี้การปักค้างก่อนยังช่วยบอกตำแหน่งของหลุมที่ต้นพืชจะงอกขึ้นมาด้วย
การทำค้าง
การทำค้าง บวบ แตง ฟัก พืชเหล่านี้มีมือจับเกาะยึดและทำหน้าที่ค้ำยันเถา พืชเหล่านี้มีเถาเลื้อยคลุมและมีแขนงมากมาก ต้องมีการทำค้างเพื่อลดการใช้พื้นที่ และสะดวกในการดูแลรักษา ของ บวบ ฟัก แฟง โดยใช้ไม้ไผ่ที่มีลำต้นตรง ความยาว 2.5เมตร ปักตั้งฉากกับพื้นดินให้ลึกลงไปในดิน 50 ซม. สูงเหนือผิวแปลง 2 เมตร หลุมละ 1 ค้าง
การให้ปุ๋ย
- ใส่ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ระหว่างเตรียมดิน และช่วงออกดอก
- ใส่ปุ๋ย 46-0-0 เมื่อกล้ามีอายุ 7-15 วัน อัตรา
- ใส่ปุ๋ย 13-13-21 เมื่อติดผล อัตราโดยโรยสองข้างของแถวปลูก พรวนดินกลบและให้น้ำตามทัน
การป้องกันโรคแมลง
หมั่นตรวจแปลงเพื่อดูการเข้าทำลายของแมลงเมื่อพบสามารถป้องกันการเข้าทำลายของแมลงด้วยการใช้กาวเหนียวดักแมลงหรือฉีดพ่นสารสกัดจากผลสะเดา หรือน้ำส้มควันไม้ ป้องกันกำจัดโรคและแมลง
ศัตรูพืช
แมลงที่สำคัญ
ด้วงเต่าแตง, แมลงหวี่ขาว,เพลี้ยอ่อน,เพลี้ยไฟ,แมลงวันทองหรือแมลงวันแตง
ขั้วติดผลด้วยนะครับ
เป็น
วิธีการปลูกบวบ
1.เตรียมดิน
2.ขุดหลุมขุดหลุมปลูกระยะปลูก ระหว่างต้น75 ซม ระหว่างแถว 100 ซม.ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก
3.เมื่อเตรียมดินและหลุมปลูกแล้ว หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ด กลบดิน คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม พร้อมทำค้างทันที ควรปักค้างทันทีที่หยอดเมล็ดดีกว่าปักเมื่อมีต้นพืชงอกขึ้นมาแล้วอาจทำให้รากพืชขาดเสียหายได้ นอกจากนี้การปักค้างก่อนยังช่วยบอกตำแหน่งของหลุมที่ต้นพืชจะงอกขึ้นมาด้วย
การทำค้าง
การทำค้าง บวบ แตง ฟัก พืชเหล่านี้มีมือจับเกาะยึดและทำหน้าที่ค้ำยันเถา พืชเหล่านี้มีเถาเลื้อยคลุมและมีแขนงมากมาก ต้องมีการทำค้างเพื่อลดการใช้พื้นที่ และสะดวกในการดูแลรักษา ของ บวบ ฟัก แฟง โดยใช้ไม้ไผ่ที่มีลำต้นตรง ความยาว 2.5เมตร ปักตั้งฉากกับพื้นดินให้ลึกลงไปในดิน 50 ซม. สูงเหนือผิวแปลง 2 เมตร หลุมละ 1 ค้าง
การให้ปุ๋ย
- ใส่ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ระหว่างเตรียมดิน และช่วงออกดอก
- ใส่ปุ๋ย 46-0-0 เมื่อกล้ามีอายุ 7-15 วัน อัตรา
- ใส่ปุ๋ย 13-13-21 เมื่อติดผล อัตราโดยโรยสองข้างของแถวปลูก พรวนดินกลบและให้น้ำตามทัน
การป้องกันโรคแมลง
หมั่นตรวจแปลงเพื่อดูการเข้าทำลายของแมลงเมื่อพบสามารถป้องกันการเข้าทำลายของแมลงด้วยการใช้กาวเหนียวดักแมลงหรือฉีดพ่นสารสกัดจากผลสะเดา หรือน้ำส้มควันไม้ ป้องกันกำจัดโรคและแมลง
ศัตรูพืช
แมลงที่สำคัญ
ด้วงเต่าแตง, แมลงหวี่ขาว,เพลี้ยอ่อน,เพลี้ยไฟ,แมลงวันทองหรือแมลงวันแตง
อายุประมาณ 40-45 วันหลังปลูก โดยเก็บผลที่มีขนาดพอเหมาะไม่อ่อนหรือแก่เกินไป โดยเก็บเกี่ยวให้มี
การทำน้ำหมักชีวภาพ
การทำน้ำหมักชีวภาพ
กล้วยและสัปรด |
นำมาใส่ถัง
ใส่กากน้ำตาล
และเชื้อจุลินทรีย์
ปิดฝา
เปิดฝาและคน
น้ำหมักชีวภาพ หรือ น้ำสกัดชีวภาพ เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้จากการหมักเศษพืช หรือสัตว์ กับสารที่ให้ความหวาน จนถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะได้สารละลายเข้มข้นสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์หลายชนิด
ประโยชน์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ แต่ช่วงหลังก็มีการนำน้ำหมักชีวภาพ มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในด้านอื่นเช่นกัน คือ
ด้านการเกษตร น้ำ หมักชีวภาพ มีธาตุอาหารสำคัญ ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม กำมะถัน ฯลฯ จึงสามารถนำไปเป็นปุ๋ย เร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มคุณภาพของผลผลิตให้ดีขึ้น และยังสามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืชได้ด้วย
ด้านปศุสัตว์ สามารถช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น น้ำเสียจากฟาร์มสัตว์ได้ ช่วยป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนการให้ยาปฏิชีวนะ ทำให้สัตว์แข็งแรง มีความต้านทานโรค ช่วยกำจัดแมลงวัน ฯลฯ
ด้านการประมง ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำ ช่วยรักษาโรคแผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ได้ ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ช่วยให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมเป็นปุ๋ยหมักใช้กับพืชต่าง ๆ ได้ดี
ด้านสิ่งแวดล้อม น้ำ หมักชีวภาพ สามารถช่วยบำบัดน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน และสถานประกอบการทั่วไป แถมยังช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากกองขยะ การเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพอากาศที่เสียให้สดชื่น และมีสภาพดีขึ้น
ประโยชน์ในครัวเรือน เราสามารถนำน้ำหมักชีวภาพ มาใช้ในการซักล้างทำความสะอาด แทนสบู่ ผงซักฟอก แชมพู น้ำยาล้างจาน รวมทั้งใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ โถส้วม ท่อระบายน้ำ ฯลฯ ได้ด้วย
ทั้งนี้ มีเทคนิคแนะนำว่า
1 หากต้องการบำรุงส่วนใบพืช ก็ให้ใช้ส่วนใบยอดพืชมาหมัก
2 หากต้องการบำรุงผล ให้ใช้ส่วนผล เช่น กล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก เปลือกสับปะรด ฟักทองมาหมัก
3 หากต้องการใช้กำจัดศัตรูพืข ควรหมักสะเดา ตะไคร้หอม ข่า แยกต่างหากด้วย เมื่อจะใช้ก็นำมาผสมฉีดพ่นพืชผักผลไม้
นอกจากนี้ หากใช้สายยางดูดเฉพาะน้ำใส ๆ จากน้ำหมักชีวภาพที่หมักได้ 3 เดือนแล้วออกมา จะเรียกส่วนนี้ว่า "หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพ" เมื่อ นำไปผสมอีกครั้ง แล้วหมักไว้ 2 เดือน จะได้หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพอายุ 5 เดือน ซึ่งหากขยายต่ออายุทุก ๆ 2 เดือน จะได้หัวเชื้อที่อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และประสิทธิภาพสูงมากขึ้น
ส่วนผสม : เราสามารถเลือกส่วนผสมจาก พืช ผลไม้สุก หรือสัตว์ อย่างหอยเชอรี่ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในการทำน้ำหมักชีวภาพ โดยสับเป็นชิ้นเล็ก 3 ส่วน, กากน้ำตาล 1 ส่วน (อาจใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว ผสมน้ำมะพร้าว 1 ส่วนแทนได้) น้ำเปล่า 10 ส่วน
วิธีทำ : นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้ากัน แล้วบรรจุลงในถังหมักพลาสติก หรือขวดปิดฝาเก็บไว้ในที่ร่ม นานประมาณ 3 เดือน แล้วจึงสามารถนำไปใส่เป็นปุ๋ยให้พืชผักผลไม้ได้ โดย
ใช้น้ำหมักชีวภาพ อัตราส่วน 10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อบำรุงใบพืชผักผลไม้
ใช้น้ำหมักชีวภาพอัตราส่วน 15-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ให้ดินร่วนซุย
ใช้น้ำหมักชีวภาพ อัตราส่วน 1 ส่วน น้ำ 1 ส่วน เพื่อกำจัดวัชพืช
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555
การเลี้ยงไก่พื้นเมือง
การเลี้ยงไก่พื้นเมือง
วัคซีนป้องกันโรคระบาดไก่พื้นเมือง การเลี้ยงไก่พื้นเมือง แม้ว่าจะมีการสุขาภิบาลที่ดี แต่โดยปกติสิ่งแวดล้อมจะมีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งสามารถทำให้ไก่พื้นเมืองเป็นโรคได้ทุกเวลา ดังนั้น ผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองจึงต้องสร้างความต้านทานโรคโดยการให้วัคซีนป้องกันโรค ซึ่งควรให้ตั้งแต่ไก่พื้นเมืองอายุยังน้อยและสม่ำเสมอตามตารางที่กำหนด การให้วัคซีนจะให้ผลดีที่สุดต่อเมื่อ
- สุขภาพของไก่พื้นเมืองแข็งแรง ไม่เป็นโรค
- วัคซีนที่ใช้มีคุณภาพดี
- เครื่องมือที่ใช้กับวัคซีนสะอาด และผ่านการต้มฆ่าเชื้อโรคแล้ว
- ให้วัคซีนไก่พื้นเมืองครบตามขนาดที่กำหนด
- ให้วัคซีนอย่างสม่ำเสมอและพยายามให้วัคซีนไก่พื้นเมืองที่มีสุขภาพดีทุกตัวในฝูงเดียวกัน
- การให้วัคซีนแต่ละชนิดควรเว้นระยะห่างกันประมาณ 5-7 วัน
ตารางการให้วัคซีนป้องกันโรคระบาดไก่พื้นเมือง
วัคซีน
|
อายุไก่พื้นเมือง
|
วิธีให้วัคซีน
|
ขนาดวัคซีน
|
ระยะป้องกันโรค
|
นิวคาสเซิล
(ครั้งที่ 1 สเตรนเอฟ.) |
1-3
วัน
|
หยอดจมูกหรือตา
|
1-2
หยด
|
3
เดือน
|
ฝีดาษ
(ครั้งที่ 1) |
7
วัน
|
แทงปีก
|
1-2
ครั้ง
|
1-2
ปี
|
นิวคาสเซิล
(ครั้งที่ 2 สเตรนเอฟ.) |
21
วัน
|
หยอดจมูกหรือตา
|
1-2
หยด
|
3
เดือน
|
นิวคาสเซิล
(สเตรนเอ็ม.พี.) |
2
- 3 เดือน
|
แทงปีก
|
1-2
ครั้ง
|
6
เดือน
|
อหิวาต
|
2-3 เดือน
|
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
|
์1
ซี.ซี
|
.
3 เดือน
|
หลอดลมอักเสบ
(ครั้งที่ 1) |
14
วัน
|
หยอดจมูกหรือตา
|
1-2
หยด
|
3
เดือน
|
หลอดลมอักเสบ
(ครั้งที่ 2) |
28
วัน
|
หยอดจมูกหรือตา
|
1-2
หยด
|
3
เดือน
|
โรคระบาดไก่พื้นเมืองที่สำคัญและวิธีป้องกันรักษา |
โรคนิวคาสเซิล (โรคห่า)
โรคนิวคาสเซิล หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "โรคห่า" ถ้าไก่พื้นเมืองเป็นโรคนี้แล้ว ไก่พื้นเมืองจะมีอาการทางระบบหายใจและระบบประสาท คือ ไก่จะหายใจลำบาก น้ำมูกไหล หายใจดัง ชักกระตุก คอบิดเบี้ยว ขาปีกเป็นอันพาต เดินเป็นวงกลม เบื่ออาหาร และภายใน 2-4 วัน ไก่พื้นเมืองอาจจะตายหมด เป็นได้ทั้งไก่พื้นเมืองตัวเล็กและตัวใหญ่
การป้องกัน ใช้วัคซีน สเตรนเอฟ. หยอดจมูกหรือตาลูกไก่พื้นเมืองที่มีอยู่ 1-3 วัน ทำวัคซีน เสตรนเอฟ. ซ้ำอีกเมือไก่พื้นเมืองมีอายุ 21 วัน สามารถป้องกันโรคได้ 3 เดือน เมื่อไก่พื้นเมืองมีอายุ 2 ? - 3 เดือน ใช้วัคซีนสเตรนเอ็ม.พี. แทงผนังปีก 1-2 ครั้ง สามารถป้องกันโรคได้ 6 เดือน
โรคหลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบ ถ้าไก่พื้นเมืองเป็นโรคนี้แล้ว ไก่พื้นเมืองจะมีอาการทางระบบหายใจ หายใจไม่สะดวก อ้าปากหายใจ หายใจเสียงดังน้ำมูกไหล ตาแฉะ
การป้องกัน ทำวัคซีนหลอดลมอักเสบโดยหยอดจมูกหรือตา 1-2 หยดในลูกไก่พื้นเมืองเมื่อมีอายุ 14 วัน และทำวัคซีนหลอดลมอักเสบซ้ำอีกเมื่อลูกไก่พื้นเมืองมีอายุ 28 วัน สามารถป้องกันโรคได้ 3 เดือน
ข้อควรระวัน ห้ามใช้วัคซีนป้องกันโรคหลอดลมอักเสบ พร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิล ควรใช้
วัคซีนชนิดนี้ห่างกันไม่น้อยกว่า 1 อาทิตย์
โรคฝีดาษ
โรคฝีดาษ ถ้าไก่พื้นเมืองเป็นโรคนี้แล้ว ไก่พื้นเมืองจะมีเม็ดขึ้นตามใบหน้าหรือหงอน บางครั้งพบเม็ดสีเหลืองในบริเวณปากและลิ้น ไก่พื้นเมืองจะเจ็บปากและลิ้น กินอาหารไม่ได้ ถ้าเกิดมีโรคแทรกก็จะตายไปในที่สุด
วิธีป้องกัน ทำวัคซีนฝีดาษไก่โดยการแทงผนังปีก 1-2 ครั้ง กับลูกไก่พื้นเมืองที่มีอายุ 7 วัน สามารถป้องกันโรคได้ 1 ปี
โรคอหิวาต์
โรคอหิวาต์ จะพบมากในไก่พื้นเมืองที่มีอายุเกิน 2 เดือนขึ้นไปถ้าเป็นขั้นรุนแรง ไก่พื้นเมืองจะตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ้าเป็นชนิดธรรมดา ไก่พื้นเมืองจะแสดงอาการตัวร้อนจัด หายใจไม่สะดวก หงอนเหนียงเปลี่ยนเป็น สีดำคล้ำ
การป้องกัน ทำวัคซีนอหิวาต์ไก่พื้นเมืองโดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ซี.ซี. กับไก่พื้นเมืองที่มีอายุ 2 เดือน
การรักษา ช่วยได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะหรือซัลฟาคิวน็อกซาลีนละลายน้ำให้กิน
โรคพยาธิไก่พื้นเมืองที่สำคัญและวิธีป้องกันรักษา |
พยาธิภายนอกไก่
พยาธิภายนอกไก่มีหลายชนิด เช่น ไร เหา และหมัด ถ้าไก่พื้นเมืองเป็นโรคนี้แล้ว พยาธิเหล่านี้จะคอยรบกวนไก่พื้นเมืองตลอดเวลาทำให้ผลผลิตลดลง โดยเฉพาะไก่พื้นเมืองตัวเมียจะทำให้ไข่ลดลง ฉะนั้นจึงควรกำจัดโรคนี้เสีย โดยมีวิธีการควบคุมและกำจัด ดังนี้
1. ก่อนนำไก่พื้นเมืองเข้าขังในโรงเรือน ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รางอาหาร รางน้ำ โรงเรือนเลี้ยงไก่พื้นเมือง โดยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่น มาลาไธออนและโรทิโนน
2. ควรใช้วัสดุปูฟื้นโรงเรือน เช่น แกลบที่ใหม่และไม่ชื้น เพราะบริเวณพื้นโรงเรือนมักจะมีไรไก่พื้นเมืองอาศัยอยู่มาก
3. ในขณะที่เลี้ยงไก่พื้นเมือง เมื่อพบว่ามีไร เหา และหมัดเกิดขึ้นกับไก่พื้นเมือง ควรรีบกำจัดทันทีโดยใช้ยาตามคำแนะนำที่ฉลากยา
4. ใช้สมุนไพร เช่น โล่ติ๊น หรือยาฉุนละลายน้ำ นำไก่พื้นเมืองมาจุ่มฆ่าพยาธิก็ได้
พยาธิภายใน
พยาธิภายในไก่มีหลายชนิด เช่น พยาธิตัวแบน พยาธิตัวกลมและพยาธิเส้นด้าย ถ้าไก่พื้นเมืองเป็นโรคนี้แล้ว พยาธิเหล่านี้จะรบกวนไก่พื้นเมือง ทำให้แคระแกร็น เจริญเติบโตช้า และไข่ลด บางครั้งไก่พื้นเมืองอาจตายได้ สามารถกำจัดได้โดยใช้ยาเปปเปอราซีน ไดไฮโดรคลอไรด์ผสมกับอาหารให้ไก่กินทุก 1-2 เดือน
ไก่พื้นเมืองจะเริ่มให้ไข่ เมืออายุประมาณ 6-8 เดือน จะไข่ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ ปีละ 4 ครั้ง ครั้งละ 8-12 ฟอง แม่ไก่พื้นเมืองเมื่อไข่หมดชุดแล้วจะเริ่มฟักไข่ ก่อนที่แม่ไก่พื้นเมืองจะฟักไข่ โดยจะออกหาอาหารกินในตอนเช้า ตอนกลางวันแม่ไก่จะขึ้นกกไข่วันละประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วออกจากรังไปหากินอาหารสลับกันอยู่อย่างนี้ ในการฟักไข่นั้น แม่ไก่พื้นเมืองจะใช้เวลาฟักไข่จนออกเป็นตัวประมาณ 21 วัน เมื่อลูกไก่พื้นเมืองฟักออกหมดแล้ว ควรเอาวัสดุที่รองรังไข่รวมทั้งเปลือกไข่เผาทิ้งเสีย และทำความสะอาดรังไข่ไว้สำหรับให้แม่ไก่พื้นเมืองไข่อีกต่อไป
รับโล่รางวัลระดับเขต
รับโล่รางวัลสมาชิกยุวเกษตรกรดีเด่นระดับเขต เมี่อวันที่30 พฤศจิิกายน 2555 จากผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล
ขอกำลังใจระดับประเทศด้วยนะครับ
ขอกำลังใจระดับประเทศด้วยนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)